ปักกิ่ง, 25 เม.ย. (ซินหัว) — ในขณะที่รัฐบาลทั่วโลกยังคงเร่งทำงานแข่งกับเวลาเพื่อยับยั้งโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในประเทศของตน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ยังคงมุ่งกล่าวหาประเด็นยอดเสียชีวิตในประเทศอื่น
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวในการแถลงข่าวสรุปเมื่อวันเสาร์ (18 เม.ย.) ว่า “มีใครเชื่อตัวเลขเหล่านี้จริงๆ หรือ” และพูดเป็นนัยว่าจีนรายงานการเสียชีวิตที่เกิดจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ต่ำกว่าความเป็นจริง โดยอ้างถึงอัตราการเสียชีวิตของจีนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 0.33 ต่อประชากร 100,000 คน
แม้ว่าประชากรของจีนจะมากกว่าสหรัฐฯ ถึง 4 เท่า แต่จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในจีนนั้นน้อยกว่าสหรัฐฯ ถึงร้อยละ 10
นับถึงวันที่ 24 เม.ย. จีนได้รายงานยอดเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 อยู่ที่ 4,642 ราย ในขณะที่สหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 49,954 ราย อ้างอิงจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) และมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์
– อัตราการตายที่แตกต่างกัน
อัตราการตายหมายถึงอะไร เหตุใดจึงแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
มหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ทำการวิเคราะห์และพบว่าอัตราการเสียชีวิตต่อประชากร 100,000 คนในสหรัฐฯ อยู่ที่ร้อยละ 15.27 นับถึงวันที่ 24 เม.ย. ในขณะประเทศจีนอยู่ที่ร้อยละ 0.33
อัตราการตายต่อประชากร 100,000 คนที่ลดลงและเพิ่มขึ้น จะเป็นตัวชี้วัดความรุนแรงของการระบาดที่มีผลต่อประชากรทั้งหมดของประเทศ
หากทั้ง 2 ประเทศมียอดผู้เสียชีวิตเท่ากัน อัตราการเสียชีวิตต่อ 100,000 คนในประเทศที่มีประชากรมากกว่าก็จะลดลง นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อัตราการเสียชีวิตของจีนต่อประชากร 100,000 คนอยู่ที่แค่ 0.33 เนื่องจากจีนมีประชากรทั้งหมดราว 1.4 พันล้านคน
จีนเป็นประเทศแรกที่เผชิญกับการระบาดที่รุนแรง และการวิเคราะห์ลึกลงไปก็พบว่าอัตราการเสียชีวิตต่อประชากร 100,000 คนนั้นยังแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคด้วย
ยกตัวอย่างเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ยที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด หลังจากตรวจพบเชื้อไวรัสในเมืองช่วงปลายเดือนธันวาคม 2019 โรงพยาบาลท้องถิ่นก็ต้องรับมือกับปริมาณผู้ติดเชื้อมหาศาลในช่วงแรกของการระบาด ซึ่งสถานการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นในหลายประเทศทางตะวันตกเช่นกัน
ข้อมูลจากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) คำนวณได้ว่า นับถึงวันที่ 23 เม.ย. เมืองอู่ฮั่นที่มีประชากรมากกว่า 11 ล้านคนมีอัตราการตายที่ประมาณร้อยละ 35.17 ต่อ 100,000 คน ในขณะมณฑลหูเป่ยที่มีประชากรมากกว่า 59 ล้านคน อัตราอยู่ที่ 7.6 เมื่อเทียบกับ 0.33 ทั่วประเทศ
เนื่องจากมาตรการที่เด็ดเดี่ยวของอู่ฮั่น ซึ่งรวมถึงการปิดเมืองอย่างเข้มงวดเป็นเวลา 76 วัน การระบาดของไวรัสในประเทศจีนส่วนใหญ่จึงคงอยู่ที่หูเป่ย ซึ่งมณฑลนี้มีผู้เสียชีวิตร้อยละ 97.4 และผู้ติดเชื้อร้อยละ 82.3 ของยอดทั้งหมดในจีนแผ่นดินใหญ่
อีกตัวบ่งชี้หนึ่งก็คืออัตราป่วยตายหรืออัตราเสียชีวิตจากการติดเชื้อ ซึ่งคำนวณโดยการหารจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดด้วยจำนวนผู้ป่วยที่ยืนยันผล ยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อสะท้อนความรุนแรงของการระบาดและประสิทธิผลในการรักษาผู้ป่วย
มหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์จัดอันดับ 10 ประเทศที่มีสัดส่วนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากที่สุด ได้แก่ เบลเยียม, ฝรั่งเศส, สหราชอาณาจักร, อิตาลี, เนเธอร์แลนด์, สเปน, อิหร่าน, สหรัฐอเมริกา, จีน และเยอรมนี โดยสัดส่วนในสหรัฐฯ อยู่ที่ร้อยละ 5.7 และในประเทศจีนอยู่ที่ร้อยละ 5.5 นับวันที่ 24 เม.ย.
อัตราเสียชีวิตจากการติดเชื้อทั่วโลกอยู่ที่ประมาณร้อยละ 6.9 นับวันที่ 22 เม.ย. โดยมีผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 175,694 ราย และผู้ป่วยที่ยืนยันผลมากกว่า 2.54 ล้านราย ซึ่งนั่นหมายความว่าผู้ที่ถูกพบว่าติดเชื้อไวรัสประมาณร้อยละ 6.9 ทั่วโลกเสียชีวิตลง ตอกย้ำถึงความร้ายแรงของไวรัสชนิดนี้
– บทเรียนนอกเหนือจากตัวเลข
ความแตกต่างของอัตราการตายเหล่านี้เกิดขึ้นจากสิ่งใด มาตรการอะไรของจีนที่ทำให้โรคโควิด-19 อยู่ภายใต้การควบคุม
เจียวหย่าฮุย เจ้าหน้าที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน กล่าวว่าชุดมาตรการเด็ดขาดที่รัฐบาลจีนดำเนินการมาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมเป็นตัวแปรที่สำคัญ
เจียวกล่าวว่ามาตรการดังกล่าว ซึ่งรวมถึงนโยบายกักกันตัวอย่างเข้มงวด การระดมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ทั่วประเทศไปยังหูเป่ย การสร้างโรงพยาบาลชั่วคราว การรักษาผู้ป่วยอาการวิกฤตด้วยทรัพยากรที่ดีที่สุดของประเทศ และการใช้การแพทย์แผนจีน ((TCM)) อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยลดระดับการติดเชื้อและยับยั้งการติดต่อของโรคภายในมณฑลหูเป่ยได้
– การปิดเมืองอู่ฮั่นและการรับมือทั่วประเทศ
จีนเริ่มปิดช่องทางขาออกของเมืองอู่ฮั่นตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการรับมือฉุกเฉินทั่วประเทศ และสถานการณ์ก็เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับในเวลาต่อมา
รัฐบาลกลางได้จัดสรรเงินทุนไปยังมณฑลหูเป่ย และรวบรวมทรัพยากรจากส่วนอื่นๆ ของประเทศ เพื่อให้แน่ใจว่าชาวเมืองอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ยจะดำเนินวิถีชีวิตได้อย่างปกติ
หวังสิงหวน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจงหนานของมหาวิทยาลัยอู่ฮั่นกล่าวว่า การสวมหน้ากากอนามัยก็เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงในการป้องกันไม่ให้คนที่มีสุขภาพดีติดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะแพทย์และพยาบาล
ไม่มีแพทย์คนใดที่สวมหน้ากากขณะสัมผัสผู้ป่วยในโรงพยาบาลติดเชื้อ ยกเว้นเจ้าหน้าที่แพทย์บางรายจากแผนกที่ไม่ได้รักษาโรคโควิด-19 ที่ไม่ได้สวมหน้ากากป้องกันไวรัสโคโรนาในระยะแรกของการระบาด
หวังกล่าวว่าการให้ผู้ป่วยที่มีอาการไม่หนักกักตัวที่บ้านสามารถส่งต่อเชื้อไปยังสมาชิกในครอบครัวมากขึ้นได้ โดยอ้างบทเรียนจากอู่ฮั่นที่มีรายงานการติดเชื้อหลายกรณีที่เกิดจากผู้ป่วย 1 รายติดเชื้อต่อให้สมาชิกในครอบครัวอีก 3-6 ราย ในช่วงต้นของการระบาด
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว อู่ฮั่นจึงดัดแปลงสถานที่สาธารณะ เช่น โรงยิมและศูนย์จัดแสดงนิทรรศการ เป็นโรงพยาบาลชั่วคราว 16 แห่ง ที่ช่วยกักกันผู้ป่วยที่อาการไม่หนัก ขณะเดียวกันก็สร้างโรงพยาบาลหั่วเสินซานและเหลยเสินซาน ภายในเวลา 2 สัปดาห์ ช่วงคาบเกี่ยวปลายเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ เพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19 หลังเกิดปัญหาโรงพยาบาลท้องถิ่นแบกรับคนไข้ไม่ไหว
นอกจากนี้ยังมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่แพทย์อีก 42,000 คนจากทั่วประเทศไปช่วยรักษาผู้ป่วยที่มณฑลหูเป่ย รับมือกับความท้าทายครั้งใหญ่ของทรัพยากรทางการแพทย์ที่มีจำกัด
ในช่วงที่การระบาดของโรคพุ่งขึ้นถึงขีดสุด เมืองอู่ฮั่นได้จัดเตียงโรงพยาบาลไว้รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งหมด 60,000 เตียง
“นี่เป็นหนึ่งในหลายเหตุผลที่เรามีอัตราการรักษาหายค่อนข้างสูงและอัตราการตายต่ำ” เจียวกล่าว และเสริมว่าการเข้ามามีส่วนร่วมของการแพทย์แผนจีนในกระบวนการรักษา ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบรรเทาอาการป่วยเริ่มแรก และย่นเวลาในการรักษาตัวของผู้ป่วย
– ภูมิภาคที่แตกต่าง มาตรการที่แตกต่าง
เมื่อวันพุธ (22 เม.ย.) จางเหวินหง ผู้อำนวยการศูนย์โรคติดเชื้อ พร้อมด้วยโรงพยาบาลหัวซานแห่งมหาวิทยาลัยฟู่ตั้น กล่าวในระหว่างการสัมมนาทางออนไลน์ของผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของจีนและสหรัฐฯ ว่ามาตรการปิดเมืองอู่ฮั่นและมาตรการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินระดับชาติทั้งหมด ช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อในเมืองอื่นๆ ของจีนได้กว่าร้อยละ 96
ด้านมณฑล เทศบาลนคร และเขตปกครองตนเองหลายแห่งเริ่มต้นระบบการแจ้งเตือนด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล โรงพยาบาล และชุมชนในระดับสูงสุดอย่างทันท่วงที เมื่อมีการปิดเมืองอู่ฮั่น
ในส่วนอื่นๆ ของประเทศจีนที่มีการแพร่ระบาดของโรคในระดับต่างๆ กัน ก็มีการปรับใช้มาตรการชะลอ ป้องกัน หรือปิดเมืองในระยะเริ่มต้น ระยะลุกลาม และระยะแพร่ระบาดตามลำดับ
มาตรการชะลอต่างๆ อาทิ การทดสอบโรค การติดตามผู้ติดเชื้อ การรักษาระยะห่างทางสังคม และการรักษาตัวในโรงพยาบาล ถูกนำมาใช้ในภูมิภาคต่างๆ เช่น เซี่ยงไฮ้ ส่วนมาตรการป้องกัน อาทิ การทดสอบโรค การติดตามผู้ติดเชื้อ ข้อจำกัดอยู่แต่ในบ้านสำหรับคนที่สุขภาพดี และการปิดสถานที่บันเทิงทั้งหลาย ถูกนำมาใช้ในภูมิภาคที่อยู่ในระยะลุกลาม และมาตรการปิดเมืองถูกนำมาใช้ในอู่ฮั่นและเมืองอื่นๆ ในมณฑลหูเป่ย เพื่อตัดเส้นทางการส่งต่อเชื้อ
ในการสัมมนาทางออนไลน์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ จางเล่าประสบการณ์ 5 ข้อของจีนในด้านการแพทย์และการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค อันได้แก่ ผู้ป่วยที่ต้องสงสัยว่าติดเชื้อทั้งหมดต้องได้รับการทดสอบโดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค 2 ครั้ง, ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยทั้งหมดต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่กำหนด, การทดสอบกรดนิวคลีอิกและการรักษาทั้งหมดไม่เสียค่าใช้จ่าย, ผู้ป่วยทั้งหมดต้องถูกติดตามและกักกัน และต้องตัดเส้นทางการส่งต่อเชื้อและจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวในภูมิภาคที่มีการระบาด
บทความตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ โดยคณะนักวิจัยของจีน สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ระบุว่ามาตรการที่เข้มงวดของจีนในการหยุดยั้งการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในช่วง 50 วันแรกในอู่ฮั่น ได้ซื้อเวลาอันมีค่าให้กับเมืองอื่นๆ ทั่วประเทศ เพื่อนำไปใช้ในการเตรียมตัวและบังคับใช้ข้อบังคับของตน
เมื่อวันที่ 19 ก.พ. มีผู้ป่วยยืนยันผลในประเทศจีน 30,000 ราย คริสโตเฟอร์ ได (Christopher Dye) นักวิชาการจากออกซ์ฟอร์ด ผู้ร่วมเขียนบทความกล่าวว่า “การวิเคราะห์ของเราแสดงให้เห็นว่าหากไม่มีข้อบังคับห้ามเดินทางในอู่ฮั่นและมาตรการรับมือภาวะฉุกเฉินระดับชาติ จะมีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 มากกว่า 700,000 รายนอกอู่ฮั่นภายในวันดังกล่าว”
“มาตรการควบคุมของจีนดูเหมือนว่าจะประสบความสำเร็จในการทำลายห่วงโซ่การแพร่ระบาด ป้องกันการติดต่อระหว่างผู้ติดเชื้อและผู้ที่ยังสบายดี”
ที่มา : XINHUA
BY : ขนุน
สนใจแพคเกจท่องเที่ยว, ตั๋วเครื่องบินทั่วโลก หรือบัตรท่องเที่ยวต่างๆ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 02-2945598, 092-294 5598
หรือ คลิ๊ก https://www.itravelroom.com/