"แสงเหนือ’ หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ ‘ออโรร่า’ เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่ก่อให้เกิดความสวยงามตระการตาไปทั่วท้องฟ้า มองดูคล้าย ๆ หมู่ดาวและแสงจากท้องฟ้ากำลังเต้นระบำอย่างงดงาม ชื่อนี้ถูกตั้งขึ้นโดย กาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง ดดยแสงเหนือจะมีหลายสีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสีฟ้า สีเหลือง หรือสีม่วง แต่สีที่ปรากฎบ่อยสุดก็คือ สีเขียวนั่นเอง
โดย ‘แสงเหนือ’ นั้นเกิดจากการชนกันระหว่างก๊าซในชั้นบรรยากาศโลก กับอนุภาคไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ จึงทำให้เกิดการระเบิดเป็นลำแสงสีต่างๆ กันออกไป แล้วในโลกนี้จะมีประเทศไหนมาที่เราสามารถไปดูแสงเหนือได้ วันนี้ itravelroom รวบรวม "11 ดินแดนแห่งแสงเหนือ ที่สักครั้งในชีวิตต้องไป" จะมีที่ไหนบ้าง ตามไปดูเลยจ้าา
1.เมืองเมอร์มังส์ก (Murmansk) ประเทศรัสเซีย
มาเริ่มต้นกันที่ประเทศที่นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถไปเที่ยวได้แบบไม่ต้องขอวีซ่า นั่นก็คือรัสเซีย ที่นอกจากบ้านเมืองจะสวยเว่อร์น่าจดจำแล้ว ถ้ามาในจังหวะเวลาเป็นใจก็ยังมีแสงออโรร่าธรรมชาติให้ชมอีกด้วย โดยพิกัดที่ชมได้จะอยู่ที่ เมืองมูรมานสก์ (Murmansk) ทางตอนเหนือของรัสเซีย ใกล้กับฟินแลนด์ นอกจากไป ล่าแสงเหนือ แล้ว ก็อย่าลืมกิจกรรมตกปลาน้ำแข็งด้วยนะ
ช่วงเวลาแนะนำ : เดือนกุมภาพันธ์
2.เมืองแลปแลนด์ (Lapland) ประเทศฟินแลนด์
แลปแลนด์ (Lapland) เป็นภูมิภาคทางตอนเหนือของฟินแลนด์ ซึ่งมีพื้นที่ติดกับประเทศสวีเดน นอร์เวย์ รัสเซีย และทะเลบอลติก ถือเป็นบ้านของซานตาคลอส คุณลุงใจดีใส่เสื้อสีแดงผู้เป็นที่รักของเด็ก ๆ ทั่วโลก
นอกจากนี้แลปแลนด์ยังเป็นจุดที่มีแสงเหนือแบบแทบจะเรียกได้ว่าวันเว้นวัน โดยเฉพาะวันไหนที่อากาศและท้องฟ้าเป็นใจมาก นักท่องเที่ยวจะมองเห็นแสงเหนือจากเมืองที่อยู่ไกลออกไปได้
ช่วงเวลาแนะนำ : ปลายเดือนสิงหาคมถึงเมษายน
3.เมืองกรุงเรคจาวิค (Reykjavik) ประเทศไอซ์แลนด์
ถ้าพูดถึง ประเทศที่มีแสงเหนือ เชื่อว่าหลายคนคงจะนึกถึง ประเทศไอซ์แลนด์ เป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว เพราะมีโลเคชั่นชมแสงออโรร่าฟุ้งกระจายเต็มท้องฟ้ายามค่ำคืน ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาแบบไม่มีอะไรปิดกั้นได้ แนะนำพิกัดใกล้ๆ กรุงเรคจาวิค (Reykjavik) เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ จะเลือกชมแสงเหนือในเมืองหรือจะขับรถเที่ยวละแวกใกล้เคียงก็เที่ยวได้เพลินไปเลยค่ะ
ช่วงเวลาแนะนำ : พบเห็นได้ทั้งปีโดยเฉพาะฤดูหนาว ตุลาคม-มีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่กลางคืนยาว มองเห็นออโรร่าชัด และไม่หนาวจนเกินไป
4.เมืองทรอมโซ (Tromso) ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีปรากฏการณ์แสงออโรร่า ซึ่งจุดชมที่แนะนำจะอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ อย่างเช่น เมืองทรอมโซ (Tromso) สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีแสงเหนือสวยเพราะอยู่ท่ามกลางวงแหวนแสงออโรร่าพอดี เหมาะสำหรับคนรักความสงบ และยังมี เมือง Andenes ก็เป็นจุดแนะนำเช่นกัน สำหรับสายเที่ยวที่หลงเสน่ห์แห่งยุโรป เชิญไป ดูแสงเหนือ นอร์เวย์เลยจ้าา
ช่วงเวลาแนะนำ : สามารถพบได้ในคืนที่ท้องฟ้าโล่ง หรือในเดือนกันยายนถึงมีนาคม
5.อลาสก้า, สหรัฐอเมริกา - อเมริกาเหนือ
เมืองแฟร์แบงค์ (Fairbanks) ในรัฐอลาสก้า อยู่ในตำแหน่งใต้วงแหวนออโรรา ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งชมแสงเหนือที่ดีที่สุดในอเมริกา
ในเมืองนี้มีกิจกรรมให้ทำมากมายระหว่างรอชมปรากฎการณ์แสงเหนือ ทั้งเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์น้ำแข็งออโรรา (Aurora Ice Museum) นั่งจิบค็อกเทลนานาชนิดที่บาร์น้ำแข็ง หรือแช่บ่อน้ำพุร้อนคลายความหนาวกับวิวทิวทัศน์อันสวยงามของอลาสก้าที่น้ำพุร้อนเชนา (Chena Hot Springs)
ช่วงเวลาแนะนำ : เดือนกันยายนถึงเมษายน
6.แคนาดา - อเมริกาเหนือ
แคนาดาเป็นอีกประเทศที่มีจุดชมแสงเหนือมากมาย โดยเฉพาะทางเหนือของแคนาดา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากขั้วโลกเหนือ
สำหรับจุดที่สวยที่สุดในการชมแสงเหนือในแถบนี้ก็คือ ออโรรา วิลเลจ เมือง Yellowknife ซึ่งสามารถมองเห็นแสงเหนือได้อย่างชัดเจน แบบวิว 360 องศา โดยไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ เพราะอยู่ห่างขั้วโลกเหนือเพียงแค่ 400 กิโลเมตร
ช่วงเวลาแนะนำ : เดือนมกราคมถึงกลางมีนาคม
7.สวีเดน : แลปแลนด์ - สแกนดิเนเวีย
สำหรับการผจญภัยตามล่าแสงเหนือในสวีเดน ลองเริ่มต้นที่เมืองหลวงอันเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อย่าง กรุงสตอกโฮล์ม จากนั้นค่อยมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปที่แลปแลนด์ สู่อุทยานแห่งชาติอบิสโก (Abisko National Park) อลังการด้วยฉากภูเขาและทะเลสาบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของออโรร่าสกายสเตชั่น (Aurora Sky Station) สุดเงียบสงบ ตั้งอยู่ในเขตเมืองคิรูน่า (Kiruna) ทางตอนเหนือของสวีเดน ห่างจากเมืองหลวงสต็อกโฮล์มประมาณ 1,200 กิโลเมตร สามารถนั่งเครื่องบินในประเทศมาลงที่สนามบิน Kiruna Airport หรือนั่งรถบัสมาได้
ช่วงเวลาแนะนำ : เดือนกันยายน-มีนาคม
8. กรีนแลนด์ (Greenland)
มาชมกันต่อที่ประเทศกรีนแลนด์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากไอซ์แลนด์เท่าไหร่ ด้วยความที่มีอากาศหนาวเหน็บ พร้อมกับมีแสงเหนือพาดผ่านท้องฟ้าไม่ให้ค่ำคืนเงียบเหงา จึงทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งเมืองน่าเที่ยว ส่วนพิกัดล่าแสงเหนือแนะนำ เช่น Lake Aurora, เมือง Ilulissat Town จริงๆ ก็ชมได้เกือบทั่วเมืองเลยล่ะค่ะ
ช่วงเวลาแนะนำ : เดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์
9. สก็อตแลนด์ (Scotland)
อีกหนึ่งประเทศน่าเที่ยวแห่งหนึ่งของโลก ถ้าคุณได้มาเยือนสก็อตแลนด์ เมืองไซส์เล็กซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทวีปยุโรป บอกเลยว่าจะหลงรัก เพราะเต็มไปด้วยความน่าสนใจเพียบ แถมยังมีปรากฎการณ์แสงเหนือให้ชมอีกด้วย สำหรับโลเคชั่นดูแสงออโรร่า จุดที่ดีที่สุดได้แก่ เมืองแอเบอร์ดีน (Aberdeen), เกาะ Isle of Skye, Northern Highlands และประภาคาร Dunnet Head
ช่วงเวลาแนะนำ : เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์
10.เดนมาร์ก (Denmark)
ไปบุกเดนมาร์กกันค่าา! ถึงจะมีพายุเข้าเป็นครั้งคราวแต่ก็ยังมีมุมดูแสงเหนืออย่าง หมู่เกาะแฟโร(Faroe) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติกให้รอลุ้นปรากฏการณ์แห่งแสงนี้ด้วยล่ะจ้า
ช่วงเวลาแนะนำ : กลางเดือนสิงหาคมถึงปลายเมษายน
11.นิวซีแลนด์ (New Zealand)
ดูแสงเหนือกันไปแล้ว มาปิดท้ายกันด้วย แสงใต้ เดินทางท่องโลกออกไปล่าแสงออโรร่ากันที่ ประเทศนิวซีแลนด์ ดินแดนซีกโลกใต้ที่นอกจากจะมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์น่าเที่ยวแล้ว หากคุณมีโอกาสได้เที่ยวทางเกาะใต้และโชคดีหน่อย คุณจะได้เจอแสงใต้รูปไข่แนวกว้างสูงสุดถึง 5,000 กิโลเมตร ซึ่งไม่ได้พบบ่อยครั้งนัก โลเคชั่นเด็ดที่แนะนำดูแสงใต้ ได้แก่ ทะเลสาบเทคาโป (Lake Tekapo), เมือง Invercargill, เกาะไซส์เล็ก Stewart Island, เมืองแคทลินส์ (The Catlins) และเมืองยอดนิยม Dunedin ต้องไปสักครั้งนะ
ช่วงเวลาแนะนำ : เดือนมีนาคม
ครบแล้วกับ "11 ดินแดนแห่งแสงเหนือ" ในบางประเทศมีให้คุณชมตลอดทั้งปี แต่บางประเทศก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและสภาพอากาศด้วยนะคะ ทั้งหมดทั้งมวลก็ขึ้นอยู่กับความโชคดีด้วยล่ะ แต่อย่างไรก็ดี ก่อนออกเดินทางต้องวางแผนให้ดี แล้วทริปนี้จะมีความสุขกับปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ใครๆ ก็อยากเจอนี้แน่นอน^^
สนใจแพคเกจท่องเที่ยว, ตั๋วเครื่องบินทั่วโลก หรือบัตรท่องเที่ยวต่างๆ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 02-2945598, 092-294 5598
หรือ คลิ๊ก https://www.itravelroom.com/
ขอบคุณที่มาจาก MGR ONLINE
#แสงเหนือ #Aurora #ดินแดนแห่งแสงเหนือ