เปิดไทม์ไลน์ ชายกลับจากอังกฤษ ไม่กักตัว ติดโควิด
ป่วนสุพรรณบุรี ผู้ป่วยยืนยันโควิด19 จากนครปฐม กลับมาจากอังกฤษ ไม่กักตัวเองให้ครบกำหนด เดินทางกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง หาหมอ ที่สุพรรณฯ ผู้ว่าสั่งสอบวินัยผู้ใหญ่บ้านร่วมวงสังสรรค์ ไม่แจ้งข้อมูล กักตัววุ่น
ล่าสุดสถานการณ์ COVID -19 ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ทางสาธารณสุข จังหวัดสุพรรณบุรี ทางศูนย์ปฏิบัติการ COVID-19 สุพรรณบุรี ได้นำข้อมูลไทม์ไลน์ สำหรับผู้ป่วยยืนยัน ติดเชื้อ COVID-19 ยืนยันผู้ติดเชื้อชาว จ.นครปฐม เป็นชาย อายุ 48 ปี หลังเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา จากนั้นได้เดินทางไปบ้านพักที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม พอเช้าวันรุ่งขึ้น วันที่ 26 มีนาคม ได้เดินทางมาหาญาติ ที่ ต.บางพลับ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
ก่อนจะมาหาพ่อแม่ ที่บ้านพัก ที่ ต.มะขามล้ม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี รุ่งขึ้น นำรถไปซ่อมในร้านของหมู่บ้าน และ วันถัดมา ก็ไปซื้อก๋วยเตี๋ยว ร้านแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน เป็นประจำ จากนั้น วันที่ 3-5 เมษายน ได้เดินทางมาพบแพทย์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง ในอ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
จนต่อมา วันที่ 7 เม.ย. ได้เดินทางกลับไปที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ในจ.นครปฐม เพื่อพบแพทย์ และได้ถูกส่งตัวมารักษาต่อ ที่รพ.รัฐแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม และยืนยันการพบเชื้อ COVID-19
ซึ่งทางทางศูนย์ปฏิบัติการ COVID-19 จึงได้แจ้งข้อมูลกับประชาชน ตามไทม์ไลน์ดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนที่ใกล้ชิด หรือ กลุ่มเสี่ยง ได้ทำการกักตัวเอง 14 วัน หรือ แจ้งไปที่ จนท.สาธารณสุข รพ.สต.ในชุมชน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ด้าน นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว ผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายนี้ เป็นผู้ป่วยยืนยันจาก จ.นครปฐม และมีการแจ้งไทม์ไลน์ มายังทางสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งทางจังหวัดจึงได้นำข้อมูลแจ้งกับประชาชน และนำทีมสอบสวนโรค
ไปสวบสวนโรคผู้ที่ใกล้ชิด หรือ กลุ่มเสี่ยงในพื้นที่แล้ว หลังพบว่า ผู้ป่วยคนดังกล่าว ซึ่งเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ถึงบ้านพักที่ จ.นครปฐม วันต่อมา ก็เดินทางมาหาญาติ และ มาหาพ่อกับแม่ ที่ ม.1 ต.มะขามล้ม อ.บางปลาม้า สุพรรณฯ
และทราบข้อมูลมาอีกว่า ไม่ได้มีการกักตัวเอง ยังเดินทางไปพบปะเพื่อนฝูง ดื่มสุรา จนมีอาการป่วย จึงไปหาหมอ วันที่ 3 - 5 เม.ย. ที่คลินิกเอกชน แห่งหนึ่ง ใน อ.เมืองสุพรรณบุรี จากนั้นวันที่ 6 เม.ย. ได้เดินทางกลับไปหาหมอ ที่ รพ.เอกชน ที่จ.นครปฐม และถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.รัฐ จ.นครปฐม
โดยผลออกมายืนยันการติดเชื้อ วันที่ 7 เม.ย. ทั้งนี้ทางสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้มีการแจ้งไทม์ไลน์แก่สถานที่และบุคคลผู้ใกล้ชิดสัมผัสเสี่ยงสูง และ บุคคลที่อยู่ร่วมในไทม์ไลน์ดังกล่าว ให้ดูแลสุขภาพ และทำการกักตัวเอง 14 วัน เพื่อดูอาการ
ทั้งนี้ทางจังหวัดได้ส่งทีมสวบสวนโรค ลงไปตามจุดต่างๆ แล้ว ซึ่งทางคลินิกเอกชน แพทย์ได้ปิดคลินิก และแจ้งไทม์ไลน์เรียบร้อย พร้อมมีเจ้าหน้าที่เข้าไปฉีดยาฆ่าเชื้อ ส่วนผู้สัมผัสในชุมชน ขณะนี้ จนท.รพ.สต.ได้ดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว
ส่วนกรณี ที่ผู้ป่วยคนดังกล่าว มีการไปสังสรรค์ กับ เพื่อนฝูง ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นผู้ใหญ่บ้านท่านหนึ่งในหมู่บ้าน ทางผู้ว่าราชการฯ จะดำเนินการอย่างไร เบื้องต้นได้สั่งการให้ นายอำเภอในพื้นที่ ไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว
เรื่องการแจ้งข้อมูลการกักตัวของผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ และ การปฏิบัติตัว ซึ่งหากพบว่าเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง และมีความผิดจริง ก็ต้องสอบสวนวินัย ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว และลงโทษไปตามวินัย พร้อมสั่งให้กักตัวเอง ตามระเบียบแล้ว
ทางจังหวัดสุพรรณบุรี จึงขอความร่วมมือแก่ประชาชนทุกคน กรณีนี้ ก็เป็นตัวอย่างอีกกรณี ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและไม่มีการกักตัวเอง ให้ครบ 14 วัน และเดินทางมาหาพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ที่ จ.สุพรรณบุรี รวมถึงมีการออกมา สังสรรค์ ซึ่งอยากให้ทุกคนตระหนักในจุดนี้ เพราะไม่เช่นนั้น ก็ไม่จบ เราต้องร่วมมือกัน ซึ่งเราต้องสร้างความสามัคคี
จนท.ทุกคนทำงานกันอย่างเต็มที่ แพทย์ พยาบาล บุคลากรสาธารณสุข ทุกท่าน รวมถึง ตำรวจ ทหาร ปกครอง จนท.ภาครัฐและ ประชาชนทุกอาชีพ ทุกคน ที่ย่อมได้รับผลกระทบ ทำตามมาตรการรัฐอย่างเคร่งครัด จากสถานการณ์ในครั้งนี้ ซึ่งทางจังหวัดเอง เราทำงานกันเต็มที่ วางมาตรการทุกอย่าง เพื่อให้ทุกคนปลอดภัย และก้าวผ่านสถานการณ์ครั้งนี้ไปโดยเร็ว และไม่อยากให้เกิดการรังเกียจกัน แต่ทุกคนต้องร่วมมือกัน โดยเฉพาะในชุมชน ต้องร่วมมือตระหนัก และ ร่วมกันปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้ ผู้ว่าฯกล่าว
ขอบคุณข้อมูลและรูปจาก :ข่าวสด
Admin : ข้าวปั้น
สนใจแพคเกจท่องเที่ยว, ตั๋วเครื่องบินทั่วโลก หรือบัตรท่องเที่ยวต่างๆ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 02-2945598, 092-294 5598
หรือ คลิ๊ก https://www.itravelroom.com/
#Covid-19 #โควิด-19 #โคโรน่าไวรัส #โคโรน่า
